เครื่องช่วยฟัง: ทางเลือกในการฟื้นฟูการได้ยินของคุณ

เครื่องช่วยฟังเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการได้ยินสำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยินบกพร่อง อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ นี้สามารถเปลี่ยนชีวิตของผู้ใช้ได้อย่างมาก โดยช่วยให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมในการสนทนาและกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับเครื่องช่วยฟัง ประเภทต่างๆ วิธีการทำงาน และประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้งานกัน

เครื่องช่วยฟัง: ทางเลือกในการฟื้นฟูการได้ยินของคุณ

มีเครื่องช่วยฟังประเภทใดบ้าง?

เครื่องช่วยฟังมีหลายประเภทให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมกับลักษณะการสูญเสียการได้ยินและความต้องการของแต่ละบุคคล ประเภทหลักๆ ได้แก่:

  1. เครื่องช่วยฟังแบบใส่ในหู (In-the-Ear หรือ ITE): เป็นแบบที่ใส่เข้าไปในรูหูทั้งหมด เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยินระดับน้อยถึงปานกลาง

  2. เครื่องช่วยฟังแบบใส่ในช่องหู (In-the-Canal หรือ ITC): มีขนาดเล็กกว่าแบบ ITE และใส่ลึกเข้าไปในช่องหู เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยินระดับน้อยถึงปานกลาง

  3. เครื่องช่วยฟังแบบคล้องหลังใบหู (Behind-the-Ear หรือ BTE): เป็นแบบที่มีส่วนหลักอยู่ด้านหลังใบหูและมีท่อเล็กๆ นำเสียงเข้าสู่รูหู เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยินทุกระดับ

  4. เครื่องช่วยฟังแบบเปิดท้าย (Receiver-in-Canal หรือ RIC): คล้ายกับแบบ BTE แต่มีลำโพงขนาดเล็กอยู่ในช่องหูแทนที่จะอยู่ในตัวเครื่องหลัก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยินระดับน้อยถึงปานกลาง

ใครควรพิจารณาใช้เครื่องช่วยฟัง?

ผู้ที่ควรพิจารณาใช้เครื่องช่วยฟังคือผู้ที่มีอาการบ่งชี้ว่ามีปัญหาการได้ยินบกพร่อง เช่น:

  • มักต้องขอให้คู่สนทนาพูดซ้ำบ่อยๆ

  • ต้องเพิ่มระดับเสียงโทรทัศน์หรือวิทยุให้ดังกว่าปกติ

  • มีปัญหาในการได้ยินเสียงสนทนาในที่ที่มีเสียงรบกวน

  • รู้สึกว่าคนอื่นพูดไม่ชัดเจนหรือพึมพำ

  • มีปัญหาในการได้ยินเสียงโทรศัพท์

หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์หูคอจมูกหรือนักแก้ไขการได้ยินเพื่อรับการตรวจประเมินการได้ยินอย่างละเอียด

ประโยชน์ของการใช้เครื่องช่วยฟังมีอะไรบ้าง?

การใช้เครื่องช่วยฟังสามารถส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของผู้ใช้ได้อย่างมาก ประโยชน์ที่สำคัญได้แก่:

  1. เพิ่มความสามารถในการสื่อสาร: ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจบทสนทนาได้ดีขึ้น ลดความเครียดและความกังวลในการสื่อสาร

  2. ปรับปรุงความสัมพันธ์ทางสังคม: ช่วยให้ผู้ใช้สามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมได้มากขึ้น ลดความรู้สึกโดดเดี่ยวและแยกตัว

  3. เพิ่มความปลอดภัย: ช่วยให้ผู้ใช้ได้ยินเสียงเตือนภัยและเสียงสัญญาณต่างๆ ได้ดีขึ้น

  4. ชะลอการเสื่อมของความสามารถทางสมอง: การได้ยินที่ดีขึ้นช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ซึ่งอาจช่วยชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อมได้

  5. เพิ่มความมั่นใจ: การได้ยินที่ดีขึ้นช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเข้าสังคมและการทำงาน

การเลือกและการใช้งานเครื่องช่วยฟัง

การเลือกเครื่องช่วยฟังที่เหมาะสมควรทำภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ โดยพิจารณาจากระดับการสูญเสียการได้ยิน รูปแบบการใช้ชีวิต และความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ ผู้ใช้ควรได้รับการฝึกอบรมวิธีการใช้งานและการดูแลรักษาเครื่องช่วยฟังอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากอุปกรณ์


ประเภทเครื่องช่วยฟัง ผู้ผลิต คุณสมบัติเด่น ประมาณการราคา (บาท)
แบบใส่ในหู (ITE) Phonak ปรับแต่งเสียงอัตโนมัติ, กันน้ำ 30,000 - 60,000
แบบคล้องหลังใบหู (BTE) Oticon เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน, แบตเตอรี่อายุการใช้งานยาวนาน 40,000 - 80,000
แบบเปิดท้าย (RIC) Starkey ลดเสียงรบกวน, มีโปรแกรมสำหรับเสียงดนตรี 50,000 - 100,000
แบบใส่ในช่องหู (ITC) ReSound ขนาดเล็กกะทัดรัด, ปรับแต่งผ่านแอปพลิเคชัน 35,000 - 70,000

ราคา อัตรา หรือประมาณการค่าใช้จ่ายที่กล่าวถึงในบทความนี้อ้างอิงจากข้อมูลล่าสุดที่มีอยู่ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา ควรทำการวิจัยอิสระก่อนการตัดสินใจทางการเงิน


เครื่องช่วยฟังเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้มีปัญหาการได้ยินได้อย่างมาก ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ เครื่องช่วยฟังในปัจจุบันสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคลได้อย่างแม่นยำ การตัดสินใจใช้เครื่องช่วยฟังอาจเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูความสามารถในการได้ยินและการมีส่วนร่วมในสังคมอย่างเต็มที่

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์ โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อขอคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ